วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ต้องการให้ลูกน้อยเติบใหญ่อย่างสดชื่นในทุกๆวันถือเป็นความวาดฝันยิ่งของผู้ที่เป็นแม่และพ่ออย่างยิ่ง เวลาที่ลูกไม่สบาย หัวอกของพ่อแม่ก็แทบแตก

แต่การที่ลูกจะมีพลานามัยดี และแข็งแกร่งนั้นก็มิใช่จะมีขึ้นกับเด็กทุกคน เช่นกับน้องแอมป์ลูกหญิงคนเล็กของคุณยุพาพร เด็กน้อยคนนี้มีอายุเพียงสองขวบเศษเท่านั้น ก็ต้องพบกับโรคเลวร้าย ล้มเจ็บเป็นเนื้อร้ายในช่องท้อง

“ค่ำคืนหนึ่งน้องเกิดเป็นไข้สูงถึง 38-40 องศา ต้องเร่งรีบพาส่งโรงพยาบาลโดยฉุกละหุก ครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2554 แต่ก่อนนี้มีอาการท้องโต ปวดท้องอย่างสุดๆ ท้องผูก และอุจจาระแข็ง หมอขอกระทำการเจาะเลือด เจาะไขสันหลัง เพื่อค้นหาเนื้อร้ายและนำเลือดไปตรวจค้นที่ห้องปฏิบัติการ”

“ผลการตรวจพบเห็นเนื้อร้ายในท้องของน้อง มีความยาวประมาณ 8 เซนติเมตร กว้าง 5 เซนติเมตร จำเป็นต้องกรีดหน้าท้องเพื่อนำชิ้นเนื้อในท้องไปวิเคราะห์เพื่อค้นคำตอบ ระหว่างนั้นแพทย์ก็บอกกับคุณยุพาพร ผู้เป็นแม่ให้ทำใจเอาไว้ว่าชิ้นเนื้อที่พาไปวิเคราะห์นั้น อาจจะเป็น เนื้อร้าย 80% สิ้นเสียงหมออย่างกับฟ้าผ่าลงกลางใจของคนเป็นแม่”

“ฉันทำได้แค่พยักหน้าแล้วอุ้มลูกมากอดรัดไว้ที่อก ลูกเองก็กอดแม่เอาหน้าซบไหล่ ได้แต่บอกในใจว่าลูกยังเด็กนักเกิดมาได้ 1 ปี 6 เดือน ต้องไปจากกันแล้วเหรอ แล้วพูดกับตัวเองว่าน้องยังตายมิได้แม่จะกระทำทุกอย่างเพื่อขอให้ลูกยังชีพอยู่ เมื่อถึงที่อาศัยก็ไม่บอกกับใครได้แต่สวดมนต์ไหว้พระจนพ่อของน้องโทรมาหาดิฉัน ดิฉันบอกไปร้องไปจนปวดหัว พ่อน้องพูดว่าเช่นใดก็ต้องเยียวยารักษา”

ผลสำรวจจากห้องปฏิบัติการถูกเอามาในเวลาบ่ายของวันเดียวกัน ปรากฏว่าชิ้นเนื้อที่ส่งไปตรวจหานั้นไม่ใช่เนื้อร้าย แต่ก็ควรเร่งรีบทำการเยียวยารักษาด้วยการให้คีโม

“การฉายแสงหนแรกเมื่อเดือนมกราคม เป็นเหตุให้เส้นของน้องระเบิด เป็นไข้ และเกล็ดเลือดถดถอย แพทย์ทำการตรวจสอบสแกนกระดูก เมื่อกลับมาพักดูแลตัวที่บ้าน ดิฉันกับสามี ต้องช่วยกันฉีดยาละลายลิ่มเลือดให้ลูกทุกวัน ลูกก็ยังต้องกินยาลดความดันสูงประจำวัน”

“ช่วงที่ทำคีโมผิวของน้องเริ่มคล้ำ เล็บมือและเล็บเท้าก็ดำคล้ำ ปากสีซีดจาง หน้าเซียว ผมก็เหมือนกับหญ้าแห้งไหม้ ผิวเหี่ยว เพียงแค่เคลื่อนที่ก็ไม่มีแรง รับประทานอาหารได้น้อยลง และเขาจะร้องไห้ร้องห่มขี้กลัวคนแปลกหน้า โดยเฉพาะแพทย์และนางพยาบาล”

แม้นจะอยู่ในระยะเวลาความทุกข์ของครอบครัว เหตุการณ์ที่ดีก็เกิดขึ้นพอให้ทุกคนในบ้านมีกำลังใจขึ้นมามั่งไม่มากก็น้อย เมื่อเพื่อนข้างบ้านแนะนำน้ำ ACTIV120 ให้กับน้องได้ลองดื่ม

“หลานของเพื่อนบ้านคนนี้เป็นโรคSLEและได้เอาน้ำ ACTIV120 (Activated Water)มาดื่มกับใช้ล้างตัว ผลคือหลานมีสภาพบรรเทาอย่างยิ่ง จากเรื่องราวนี้จึงตัดสินใจให้น้องดื่มน้ำ ACTIV120 พร้อมกันไปกับการรักษา ตั้งแต่ตอนให้เคมีบำบัดครั้งแรกช่วงเดือนกุมภา ปี 54”

“ดิฉันยังให้ลูกดื่มน้ำแอคทิเวท ไปพร้อมการให้เคมีบำบัดโดยไม่ให้ดื่มน้ำอื่นอีกเลย และต่อมาทุกครั้ง ที่จะทำการฉายแสงก็จะต้องเจาะเลือดทุกครั้ง ผลลัพธ์เลือดออกมาว่าเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดอยู่ในมาตรฐานปกติวิสัยดี ไม่ต้องให้ยาเสริมใดๆ เลย ยิ่งกว่านั้นดิฉันยังปลาบปลื้มอย่างยิ่งเมื่อข้อสรุปการเอ็กซเรย์ และการสแกนกระดูกเป็นปกติ”

ข้อสรุปการเอ็กซเรย์ CT สแกน หรือคอมพิวเตอร์ความเร็วสูงครั้งที่ 2ทำภายหลังครั้งแรก 6 สัปดาห์ คราวนี้ผ่านการทำคีโมครั้งที่หนึ่ง และให้น้องดื่มน้ำ ACTIV120 ไปแล้ว พบว่าก้อนเนื้องอกในท้องเพลาลงจากเกือบ 8 ซม. เหลือ 6 เซนติเมตร
ผลลัพธ์การเอ็กซเรย์ CT สแกนครั้งที่ 3 หลังจากครั้งที่สอง 12 อาทิตย์ มะเร็งในท้องหดตัวเหลือประมาณ 3 เซ็นติเมตร
ผลสรุปการเอ็กซเรย์ CT สแกนครั้งที่สี่ ภายหลังครั้งที่สาม 16 สัปดาห์ กำลังคอยผลจากแพทย์เพื่อรอการผ่าตัดเอาก้อนเนื้องอกออกให้หมด

“น้องมีตุ่มเล็กๆขึ้นใบหน้าคล้ายกับกลากน้ำนมขึ้นที่แก้ม แต่บางทีกินขนมแล้วเปื้อนหน้ามีเม็ดขึ้น ฉันก็นำเอาผ้าชุบACTIV120 มาเช็ดใบหน้าให้เขา ผดผื่นก็ค่อยๆ ยุบลงถึงแม้ว่าไม่จำเป็นต้องทายา”

“ปัจจุบันน้องสุขภาพแข็งแรงไม่เหมือนคนเจ็บ เป็นเด็กร่าเริง อารมณ์ดี พิสูจน์ได้ว่า น้ำ ACTIV120 ช่วยส่งเสริมอนามัยน้องได้"

“ก่อนหน้า ลูกชายคนโตเป็นไข้บ่อย ต้องพาไปหาแพทย์ทุกอาทิตย์ เดี๋ยวนี้ก็ให้ลูกนำน้ำแอคทิเวทไปดื่มที่โรงเรียนด้วยตลอดเวลา ดิฉันมีความเบิกบานมากเพราะเขาไม่เป็นโรคไข้หวัดอีกแล้ว”
ทุกวันนี้บ้านคุณยุพาพรเป็นครอบครัวน้ำดื่มแอคทิเวท (Activated Water)เพราะดื่มทั้งครอบครัว

“มีอยู่ครั้งหนึ่งพริกกระเด็นเข้าตาแสบมาก ดิฉันใช้วิธีการการลืมตาในน้ำดื่มแอคทิเวท ผลปรากฎว่าหายแสบสนิท”
“ไม้ต้นหน้าบ้านคล้ายมันใกล้จะตายใบเหี่ยวเฉาและเริ่มเหลือง ใช้น้ำดื่มแอคทีฟ วันทูโอไปรด 2-3 ครั้ง ดูว่าต้นไม้คืนชีพและเขียวสดใสขึ้นมา”



ที่มา : http://xn--42c2baf6e7a8at2if0g3b.easydrinkwater.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น